ปีงบประมาณ 2019

• กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) เพิ่มขึ้น 39.4 % เป็น 47.8 ล้านยูโร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2018 อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 % (2018: 1.1 %)

• นับเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่กระแสเงินสดอิสระเป็นบวก (20.7 ล้านยูโร) และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 214.5 ล้านยูโร (2018: -48.2 ล้านยูโร)

• เศรษฐกิจที่อ่อนแอในตลาดหลัก: ปริมาณการสั่งซื้อลดลง 3.5% ยอดขายลดลงเล็กน้อย 1.5% เป็น 3,192.6 ล้านยูโร

• การลงทุน 500 ล้านยูโรสำหรับการวิจัยและพัฒนาในสามปีข้างหน้า

• ซีอีโอ Peter Mohnen: "เราได้กลับมาบนเส้นทาง แต่อย่างไรก็ตามไวรัสโคโรนายังเป็นอุปสรรคใหม่ที่เราต้องก้าวข้าม"

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติ KUKA จาก Augsburg ได้นำเสนอตัวเลขทางธุรกิจในวันนี้ Peter Mohnen ซีอีโอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา "จริง ๆ แล้ว เราได้ทำการเตรียมตัวไว้สำหรับสถานการณ์อื่น แต่การระบาดใหญ่กระทบเราและส่งผลกระทบกับเรา" ซีอีโอกล่าว เขายกย่องการทำงานร่วมกันของพนักงานของเขาและรณรงค์ให้เป็นที่รู้จักสำหรับคนในวงการแพทย์และพยาบาลทั่วโลก สำหรับ KUKA แล้ว เวลานี้เป็นเวลาสำหรับการจัดการความท้าทายใหม่และ "เตรียมพร้อมสำหรับเวลาเมื่อสถานการณ์ไวรัสเบาบางลง"

การที่ KUKA สามารถสร้างเสถียรภาพในปีงบประมาณที่ผ่านมาและพัฒนาผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนนั้น นับเป็นผลดีต่อบริษัท "ปี 2019 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ความท้าทายด้านเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีตลอดไปถึงตัวขับเคลื่อนใหม่ในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้ลูกค้ามีการลงทุนที่ระมัดระวังมากขึ้น" Peter Mohnen กล่าว "ที่ KUKA เราได้ตอบสนองต่อเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว: ด้วยมาตรการที่เหมาะสมเราบรรลุผลที่ดีกว่าแม้ยอดขายจะลดลง เราได้เพิ่มกระแสเงินสดอิสระของเรามากกว่า 200 ล้านยูโรเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2018 เราอยู่ในพื้นที่บวกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 เราได้กลับมาบนเส้นทางแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่อย่างไรก็ตามไวรัสโคโรนายังเป็นอุปสรรคใหม่ที่เราต้องก้าวข้าม"

ตลาดที่มุ่งเน้นการเติบโต เช่น อีคอมเมิร์ซ/ค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคมีผลกระทบเชิงบวกต่อแผนกอินโทรโลจิสติกส์ของ KUKA สาขา Swisslog ในเครือในปี 2019 อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจยังคงมีความตึงเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงในภูมิภาคยุโรปและจีน ปริมาณคำสั่งซื้อและยอดขายของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติจาก Augsburg จึงลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

KUKA ยังคงคาดการณ์สภาพแวดล้อมของตลาดที่ยากลำบากในปี 2020 ซึ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นจากวิกฤติของไวรัสโคโรนา "การระบาดใหญ่ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ อย่างสมบูรณ์สำหรับสังคมและเศรษฐกิจของเรา ที่ KUKA เรารู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันทั่วโลก” Peter Mohnen กล่าว “แต่ผมภูมิใจที่ได้เห็นว่าพนักงานของเราทำงานร่วมกันในเวลาที่ยากลำบาก พวกเราทำงานร่วมกันเพื่อที่จะก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปและได้มีตำแหน่งเริ่มต้นที่มั่นคง"

ซีอีโอเน้นย้ำว่าแทนที่จะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด สิ่งสำคัญคือการกำหนดคันโยกที่เหมาะสมสำหรับอนาคตในขณะนี้: ในสามปีข้างหน้า KUKA วางแผนด้านการลงทุนประมาณ 500 ล้านยูโรในการวิจัยและพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม แต่ละพื้นที่ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมในด้านการเติบโตอย่างแข็งขัน เป้าหมายคือการขยับขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ๆ ซอฟต์แวร์ และบริการดิจิทัล ในเวลาเดียวกัน KUKA มุ่งเน้นไปที่เรื่องความยั่งยืนและทำงานเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรมากขึ้นเมื่อมีการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอและลดการใช้พลังงานในโรงงานของบริษัทและลูกค้า

หุ่นยนต์ KR IONTEC รุ่นใหม่มีความโดดเด่นในการใช้พลังงานต่ำ ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ และการบำรุงรักษาที่น้อย "ด้วยประสบการณ์ยาวนานในตลาดที่แตกต่างกัน KUKA นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดทรัพยากร โซลูชันอัจฉริยะ และบริการดิจิทัลในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและดิจิตอล" Peter Mohnen กล่าว "สิ่งนี้ทำให้เราเป็นคู่ค้าที่เชื่อถือได้และแข็งแกร่งสำหรับลูกค้าของเราในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้"

ผลลัพธ์ทางการเงินปี 2019 - บริษัท KUKA

ในปีรายงานบริษัท KUKA ได้มียอดสั่งซื้อลดลง 3.5 % เป็น 3,190.7 ล้านยูโร (ปี 2018: 3,305.3 ล้านยูโร) รายได้จากการขายลดลง 1.5 % อยู่ที่ 3,192.6 ล้านยูโร (ปี 2018: 3,242.1 ล้านยูโร) อัตราส่วน Book-to-bill อยู่ที่ 1.00 ในปีงบประมาณ 2019 และลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า (ปี 2018: 1.02 คน) อัตราส่วนที่มากกว่า 1.00 บ่งบอกถึงการใช้งานที่มากและแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโต

ถึงแม้จะมีสภาพแวดล้อมตลาดที่ยากลำบาก กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) ยังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจาก 34.3 ล้านยูโรในปี 2018 เป็น 47.8 ล้านยูโรในปีงบประมาณนี้ KUKA ตอบสนองต่อเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันเวลาและได้ออกมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากมายในเดือนมกราคม 2019 ด้วยเหตุนี้ ทำให้สามารถปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างต้นทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟังก์ชั่นกลางได้อย่างมาก อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจาก 1.1 % เป็น 1.5 % ในปี 2019

จำนวนพนักงานของบริษัท KUKA อยู่ที่ 14,014 คน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 (ต้นปี: 14,235 คน) โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อต้นปี 2019 ยังรวมถึงการลดตำแหน่งงานที่รับผิดชอบต่อสังคมจำนวน 350 ตำแหน่งที่ที่ตั้งเมือง Augsburg ซึ่งเสร็จสิ้นกระบวนการเมื่อปลายปี

Systems

ในระบบส่วนของธุรกิจ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ มีปริมาณการสั่งซื้อลดลงจาก 959.8 ล้านยูโรในปี 2018 เหลือ 858.0 ล้านยูโรในปีรายงาน สิ่งนี้สอดคล้องกับการลดลงอย่างชัดเจน 10.6% และสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังของลูกค้าในการสั่งซื้อ แนวโน้มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่การเปลี่ยนสายการผลิตที่มีอยู่แทนการติดตั้งระบบใหม่มีส่วนที่สำคัญในการลดขนาดของตลาด ยอดขายยังคงอยู่ในระดับเดียวกับในปี 2018 ที่ 925.4 ล้านยูโร (925.4 ล้านยูโร) ยอดขายจากปริมาณการสั่งซื้อที่ลดลงถูกชดเชยโดยการเริ่มต้นการผลิตที่ KTPO (KUKA Toledo Production Operations ในโอไฮโอ / สหรัฐอเมริกา) อัตราส่วน Book-to-bill ลดลงจาก 1.04 เป็น 0.93 ในปี 2019 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) มีจำนวน 26.9 ล้านยูโรและคิดเป็น 8.8 % ต่ำกว่าตัวเลขของปีที่แล้วที่ 29.5 ล้านยูโร ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสั่งซื้อที่ยากลำบากและการเสื่อมสภาพของโครงการในยุโรป ความซับซ้อนที่สูงของโครงการเหล่านี้นำไปสู่ความล่าช้าในการประมวลผลโครงการและทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาลดลงจาก 3.2 % เป็น 2.9 % ในปีงบประมาณปัจจุบัน

Robotics

ในปีงบประมาณ 2019 ส่วนธุรกิจหุ่นยนต์มีปริมาณการสั่งซื้อ 1,037.1 ล้านยูโรซึ่งลดลง 13.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ปี 2018: 1,196.5 ล้านยูโร) ผลประกอบการลดลง 7.1 % อยู่ที่ 1,159.2 ล้านยูโร ในปีที่รายงาน (ปี 2018: 1,247.3 ล้านยูโร) เนื่องจากสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่องในเศรษฐกิจโลก ทำให้ลูกค้ามีความลังเลในการสั่งซื้อ อัตราส่วน Book-to-bill อยู่ที่ 0.89 (ปี 2018: 0.96 คน) ปริมาณการขายที่ลดลง รวมถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ตึงเครียดมาเป็นเวลาหลายปีในบางพื้นที่ของส่วนหุ่นยนต์มีผลกระทบทางลบต่อผลประกอบการ พื้นที่ส่วนดังกล่าวเป็นผู้จัดหาโซลูชั่นการผลิตอัตโนมัติ เช่น เซลล์และเครื่องจักรพิเศษทั่วโลก ในเดือนกันยายน 2019 KUKA ประกาศการปรับโครงสร้าง ซึ่งมีผลกระทบในทางลบต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) ในปีที่รายงานเป็นมูลค่าถึงหลักสิบล้าน กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) ในส่วนหุ่นยนต์อยู่ที่ 37.7 ล้านยูโร ซึ่งเคยอยู่ที่ 80.9 ล้านยูโรในปีก่อน อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) อยู่ที่ 3.3% ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าของปีก่อนที่ 6.5% ในปีที่ผ่านมามูลค่าหลักสิบล้านจากการขายหุ้นบริษัท มีผลกระทบเชิงบวกต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT)

Swisslog

แผนกโลจิสติกส์ของ Swisslog มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 24.8% เป็น 750.2 ล้านยูโร ในปีงบประมาณ 2018 อยู่ที่ 601.1 ล้านยูโร การเพิ่มขึ้นนี้อาจมาจากการใช้กลยุทธ์การเจริญเติบโตที่เป็นลำดับ Swisslog ทำกำไรได้จากความต้องการที่สูงของลูกค้าทั่วโลกในตลาดที่มุ่งเน้นของอีคอมเมิร์ซ/ค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค รายได้จากการขายอยู่ที่ 600.0 ล้านยูโร คิดเป็น 1.2% ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 607.1 ล้านยูโร อัตราส่วน Book-to-bill เพิ่มขึ้นเป็น 1.25 (ปี 2018: 0.99 คน) กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) เพิ่มขึ้นเป็น 10.5 ล้านยูโร ซึ่งเคยอยู่ที่ -0.2 ล้านยูโรในปีก่อน อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 % ซึ่งเคยอยู่ที่ 0.0 % ในปี 2018

Swisslog Healthcare

คำสั่งซื้อที่ได้รับของ Swisslog Healthcare อยู่ที่ 251.3 ล้านยูโรในปี 2019 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 7.2% จากปีที่แล้วที่ 234.5 ล้านยูโร คำสั่งซื้อเพิ่มเติมถูกสร้างขึ้นในส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาระบบอัตโนมัติด้านเภสัชกรรมและระบบขนส่งอัตโนมัติ รายได้จากการขายในปีที่รายงานอยู่ที่ 222.3 ล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีที่แล้วที่ 212.9 ล้านยูโร การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากระบบอัตโนมัติด้านเภสัชกรรมและระบบขนส่งอัตโนมัติ อัตราส่วน Book-to-bill จึงพัฒนาขึ้นจาก 1.10 ในปี 2018 เป็น 1.13 ในปี 2019 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) อยู่ที่ -10.0 ล้านยูโร ซึ่งเคยอยู่ที่ -4.7 ล้านยูโรในปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาที่ -4.5 % (2018: -2.2 %) การลดลงนั้นเกิดจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ การลดลงของโครงการลูกค้าอย่างต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการ Swisslog Healthcare ยังคงลงทุนด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องและกำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง

China

สาขาในจีนมีปริมาณคำสั่งซื้อ 456.4 ล้านยูโรในปี 2019 ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างชัดเจนที่ 14.8 % สวนทางกับมูลค่าของปีก่อนหน้า (ปี 2018: 535.9 ล้านยูโร) ในประเทศจีน ลูกค้ามีการระมัดระวังในการสั่งซื้อสินค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากการพัฒนานโยบายการค้าและความไม่แน่นอนระดับโลก โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รายได้จากการขายลดลง 13.2% จาก 527.9 ล้านยูโร เหลือ 458.2 ล้านยูโรและเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดในตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ลดลงชั่วคราวไว้อย่างมั่นคง อัตราส่วน Book-to-bill คงที่อยู่ที่ 1.00 ในปี 2019 (ปี 2018: 1.02 คน) กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBIT) ในปีกอนอยู่ที่ 3.6 ล้านยูโร (ปี 2018: -5.4 ล้านยูโร) ซึ่งสอดคล้องกับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาที่ 0.8 % (2018: -1.0 %) แม้จะมีเงื่อนไขทั่วไปที่ยากลำบาก แต่อัตรากำไรยังคงดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้วและเป็นบวกเล็กน้อยในช่วงปลายปี การเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการรวมในไตรมาสแรกของปี 2019 บริษัทย่อยของจีนถูกแยกส่วนที่นี่และได้รับการบันทึกการลงทุนที่ 50% ความระมัดระวังในการสั่งซื้อของลูกค้ามีผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาอัตรากำไร

แนวโน้ม 2020

ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินผลกระทบของวิกฤตไวรัสโคโรนาที่มีต่อผลลัพธ์ที่คาดการไว้ได้ ดังนั้น ในปัจจุบันจึงไม่สามารถทำการคาดการณ์ผลประกอบการและรายได้ได้ ซึ่งมีการบ่งชี้ถึงเรื่องดังกล่าวแล้วในรายงานประจำปี KUKA กำลังทำงานเพื่อวางแผนสำหรับช่วงเวลาหลังจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาผ่านไป บริษัทมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในหัวข้อที่กำลังมุ่งเน้นเนื่องจากการระบาดใหญ่: บริการออนไลน์และดิจิทัล โลจิสติกส์ ระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ และภาคการดูแลสุขภาพทั้งหมด